วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ฤา ถึงครา..น้ำจะท่วมกรุงเทพหรือไร

วันนี้ ก็ 9 ตุลาคม 2554
     มีผู้คนที่เกิดมานานหลายๆ สิบปี เปรียบเปรยปริมาณน้ำของปีนี้ว่า หนักหนาสาหัสกว่าทุกครั้งที่ผ่านๆมา นับเป็นสถิติที่ ถึงอย่างไร..ก็ต้องบันทึกไว้ เพราะจะได้จำไว้เป็นบทเรียน ชาวบ้านตากให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า "น้ำปีนี้มากที่สุดนับแต่สร้างเขื่อนภูมิพลมา" และมีชาวบ้านอีกหลายๆจังหวัดทั้งพิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อยุธยา
     วันนี้ก็อยากพูดถึง นครอโยธยาในความรู้สึกของชาติตะวันตกที่ย้อนกลับไปครั้งอโยธยาเป็นราชธานี รายการของทีวีช่อง..ไม่ได้สังเกต
     ผู้คนในนครอโยธยา อยู่กันอย่างเรียบง่าย สร้างบ้านไม้อยู่ในสระน้ำ แต่มั่นคงแข็งแรง ตัวเรือนโปร่งอากาศพัดผ่านทำให้เย็นสบาย มีพื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ส่วนรวมของครอบครัว ง่ายต่อการทำความสะอาด ชีวิตของคนอยุธยาจะเดินทางโดยเรือ ทุกๆบ้านจะมีเรือของตนเอง ผู้คนในอโยธยาศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า วัดแต่ละแห่งถูกสร้างอย่างวิจิตรอยู่ทั่วไป ความสวยงามของวัดวาอารามและบ้านเรือนที่มีการสัญจรทางน้ำเหมือนๆกับเมืองเวนิส อโยธยาจึงได้ชื่อว่า เวนิสตะวันออก...เสียดายที่ผมยังหารายการทีวีย้อนหลังยังไม่เจอ
     ย้อนกลับมา..ที่สถานการณ์น้ำ ณ เวลานี้ มีคำเตือนอุทกภัยจากทางราชการแล้ว สำหรับคนกรุงเทพ ผมอยู่พระโขนง ที่มีระดับพื้นดิน คือ สุขุมวิท ที่ 0.00 ม. เที่ยบกับระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) นั่นหมายความว่า ถ้าไม่มีพนังกั้นน้ำ ในยามปกติทั่วๆไป สุขุมวิทจะมีน้ำท่วมตามการขึ้น-ลงของน้ำทะเล ณ เวลานี้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง คือ อยู่ที่ +2 เมตร ที่ถูกต้องก็คือ เราอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ 2 เมตร อือ...น่าคิด
     ผมไม่โทษใครหรอก ถ้าน้ำท่วมกรุงเทพ หรือที่ไหนๆก็ตาม เพราะเป็นผลพวงจากอดีต ที่แม้แต่ผมเองก็มีส่วนทำให้น้ำท่วม เพราะ
  • เพราะสมัยเด็กประมาณ ป.2 ผมก็เข้าป่าไปทำถ่านที่ป่าละเมาะข้างบ้าน เอาถ่านไปขายให้คุณครูปีบละ 1.50 บาท มีเงินออมสำหรับไปซื้อหนังสะติ้ก และยังเหลือไว้ซื้อข้าวเกรียบว่าวหรือก๋วยเตี่ยวในวันสงกรานต์อีก
  • นอกจากนั้น กลุ่มนักแม่นหนังสะติ้กยังมีการจุดไฟไล่กระรอกกระแตให้ออกมาจากโพรงหรือพุ่มไม้ ให้มาเป็นเหยื่อหนังสะติ้กอีก
      อย่างไรก็ตาม เราก็ยังมีป่าละเมาะที่มีเห็ดหอบ เห็ดขอนไว้เก็บเป็นอาหารตามฤดูกาล
  • โตขึ้นอีกนิด มีการเผาป่าเพื่อทำนา อันนี้ทำให้ป่าชายทุ่งและรอบๆบ้านค่อยๆหายไป จนในที่สุด เด็กๆก็ไม่มีป่าให้ยิงนกหรือเก็บลูกตับเต่า หรือแม้กระทั่งเป็นที่เลี้ยงความในยามฤดูทำนาอีกต่อไป กป่าไปเป็นนา 
  • เราได้ใช้ธรรมชาติอย่างฟุ่มเฟือย นั่นคือ การทำลายธรรมชาติทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ จนกระทั่งถึงวันนี้ ธรรมชาติเป็นไปตามครรลองของมัน เมื่อมีผลบวก ธรรมชาติก็มีผลลบเช่นกัน 
  • ที่จะไม่กล่าว ไม่ได้เลย เราเหยียบแผ่นดินอยู่ทุกวันนี้ แผ่นดินคงจะหนักน่ะ... 

ไม่มีความคิดเห็น: